ต้องบอกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก ‘สาเก‘ นับว่าเป็นเครื่องดื่มอีกหนึ่งประเภทที่ไม่ได้มีไว้เพื่อการสังสรรค์เท่านั้น แต่การดื่มสาเกยังช่วยคลายความเครียดที่เกิดขึ้นจากกการทำงานได้ด้วย วันนี้ เราจะพาไปรู้จักกับเหล้าจากประเทศญี่ปุ่นชนิดนี้กัน
‘สาเก’ คืออะไร ?
สาเก เป็นเครื่องดื่มจากแดนอาทิตย์อุทัย มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม มีรสหวาน เต็มไปด้วยกรดอะมิโนที่เป็นประโยชน์ วิธีการทำเหล้าชนิดนี้เริ่มจากการนำข้าวญี่ปุ่นไปนึ่งให้สุก โดยใช้โคจิจากหัวเชื้อราแอสเปอร์จิลลัส ออไรเซ่ จะทำให้ได้เอนไซม์ที่สำคัญ ได้แก่ อะไมเลวและโปรติเอส ซึ่งสามารย่อยสลายโมเลกุลของแป้งและโปรตีนในข้าวให้เป็นน้ำตาลกลูโคส , กรดอะมิโนและเปปไทด์สายสั้นๆ ได้ จากนั้นจึงค่อยเติมหัวเชื้อยีสต์ หรือโมโตะลงไปในส่วนผสมของข้าวและโคจิเพื่อหมักให้น้ำตาลกลูโคสเปลี่ยนไปเป็นแอลกอฮอล์ ทำให้ได้สาเกที่มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณร้อยละ 17 – 20 โดยปริมาตรต่อปริมาตร
‘สาเก’ มีประโยชน์คต่อสุขภพของเราอย่างไร ?
ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
เพราะกรดอะมิโนที่มีอยู่ในสาเก ได้แก่ ลิวซีน วาลีน และไอโซลิวอีน จะเข้าไปช่วยฟื้นฟูและสร้างกล้ามเนื้อให้กับโครงร่างที่ทำหน้าที่ป้องกันกระดูกพรุนได้ ตลอดจนในโคจินั้นยังมีสารที่จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่จะย่อยสลายคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้เราไม่เป็นโรคกระดูกพรุนง่าย
ป้องกันโรคเบาหวาน
โรคเบาหวาน เกิดขึ้นจากความผิดปกติของร่างกายที่ผลิตอินซูลินได้อย่างไม่เพียงพอ ส่งผลให้ในกระแสเลือดมีน้ำตาลอยู่ในระดับที่สูงเกินไป การดื่มสาเกสดและเครื่องดื่มที่ทำมาจากกากสาเกจะเข้าไปช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี เพราะในตัวสาเกจะมีสารที่เข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของอินซูลินด้วย
ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบ
ต้องขอย้ำว่า การดื่มสาเกในปริมาณที่พอเหมาะจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเรามาก อย่างหนึ่งคือช่วยป้องโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบตันในสมองได้ โดยสาเกจะเข้าไปเพิ่มปริมาณเอนไซม์ที่ชื่อ ยูโรไคเนส ซึ่งมีคุณสมบัติในการสลายลิ่มเลือด ช่วยป้องกันภาวะอุตันได้ นอกจากในกากสาเกก็ยังมีสารที่จะเข้าไปช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลภายในเลือดได้อีกด้วย
ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
จากข้อมูลของสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งชาติของญี่ปุ่นได้ทำการศึกษาจากตัวอย่างของนักดื่มสาเกค้นพบว่า ผู้ที่ดื่มสาเกในปริมาณที่พอเหมาะทุกวันจำนวน 265,000 คน ทำให้คนเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งได้น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มสาเก ซึ่งกรดอะมิโนที่มีอยู่ในสาเกจะออกฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ , ปากมดลูก และต่อมลูกหมาก ทั้งในสาเกยังมีสารกลูโคซามีนที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ที่ทำหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็งอีกด้วย
นอกจากสาเกจะมีคุณประโยชน์ในการป้องกันโรคที่กล่าวมาแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงและโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย แต่ขอเน้นย้ำว่าต้องดื่มในปริมาณที่พอเหมาะเป็นประจำทุกวัน เพราะหากเราบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายและสุขภาพของเราได้เช่นกัน