การล้างแอร์เป็นประจำไม่ได้ช่วยแค่เรื่องความเย็นฉ่ำ แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพและกระเป๋าสตางค์ของคุณอีกด้วย มารู้กันว่าควรล้างแอร์บ่อยแค่ไหน และมีเคล็ดลับอะไรบ้างที่จะช่วยประหยัดไฟและรักษาสุขภาพคนในบ้าน
ทำไมต้องล้างแอร์?
เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่าง ๆ จะเข้าไปสะสมอยู่ในคอยล์เย็น ฟิลเตอร์ และส่วนประกอบอื่น ๆ ของเครื่องปรับอากาศ การสะสมเหล่านี้จะทำให้:
- แอร์ไม่เย็นฉ่ำ: แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อทำความเย็น ทำให้เปลืองไฟและคอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก
- เปลืองค่าไฟ: เมื่อแอร์ทำงานหนักขึ้น ก็กินไฟมากขึ้นตามไปด้วย
- แอร์ไม่เย็นฉ่ำ: แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อทำความเย็น ทำให้เปลืองไฟและคอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก
- เปลืองค่าไฟ: เมื่อแอร์ทำงานหนักขึ้น ก็กินไฟมากขึ้นตามไปด้วย
- เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค: ฝุ่นและความชื้นที่สะสมอยู่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อรา แบคทีเรีย และไรฝุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้และปัญหาระบบทางเดินหายใจ
- แอร์เสียงดัง: สิ่งสกปรกอาจทำให้พัดลมหรือส่วนอื่น ๆ ทำงานผิดปกติและเกิดเสียงดัง
- อายุการใช้งานสั้นลง: การที่แอร์ทำงานหนักตลอดเวลาจะทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
- ควรล้างแอร์บ่อยแค่ไหน?
- ความถี่ในการล้างแอร์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ดังนี้:
- การใช้งาน:
- บ้านพักอาศัยทั่วไป: ควรล้างแอร์ทุก 4-6 เดือน
- สถานที่ที่มีการใช้งานหนัก (เช่น ออฟฟิศ, ร้านอาหาร, ร้านค้า): ควรล้างทุก 2-3 เดือน
- ห้องที่มีผู้ป่วย, เด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ: อาจต้องล้างบ่อยขึ้น เช่น ทุก 3-4 เดือน เพื่อสุขอนามัยที่ดี
- สภาพแวดล้อม:
- บริเวณที่มีฝุ่นมาก: เช่น ใกล้ถนนใหญ่ หรือพื้นที่ก่อสร้าง ควรล้างบ่อยขึ้น
- บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง: ขนสัตว์อาจเข้าไปอุดตันในแอร์ได้ง่าย ควรล้างบ่อยขึ้นเช่นกัน
- การดูแลเบื้องต้น:
- การทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ (Filter): คุณสามารถถอดแผ่นกรองอากาศมาล้างทำความสะอาดเองได้ทุก 2-4 สัปดาห์ หรือเมื่อเห็นว่ามีฝุ่นเกาะเยอะ วิธีนี้จะช่วยลดฝุ่นละอองและยืดระยะเวลาการล้างใหญ่ได้บ้าง
- เคล็ดลับประหยัดไฟและดูแลสุขภาพภายในบ้าน
- นอกจากการล้างแอร์ตามกำหนดแล้ว ยังมีเคล็ดลับอื่น ๆ ที่ช่วยให้แอร์ทำงานมีประสิทธิภาพ ประหยัดไฟ และรักษาสุขภาพคนในบ้านได้อีก:
- ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม: อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 25-27 องศาเซลเซียส เพราะเป็นอุณหภูมิที่ร่างกายรู้สึกสบาย และช่วยประหยัดไฟได้มาก การลดอุณหภูมิลง 1 องศา จะเพิ่มค่าไฟประมาณ 10%
- เปิดพัดลมช่วย: การเปิดพัดลมพร้อมกับแอร์จะช่วยกระจายความเย็นได้ดีขึ้น ทำให้รู้สึกเย็นเร็วขึ้น และสามารถปรับอุณหภูมิแอร์ให้สูงขึ้นได้เล็กน้อย ซึ่งช่วยประหยัดไฟ
- ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท: ก่อนเปิดแอร์ทุกครั้ง ควรตรวจดูว่าประตูหน้าต่างปิดสนิทดีแล้ว เพื่อไม่ให้ความเย็นรั่วไหลออกไป และไม่ให้ความร้อนจากภายนอกเข้ามา
- หลีกเลี่ยงการนำสิ่งของที่ให้ความร้อนเข้าห้อง: เช่น กาต้มน้ำ เตาไฟฟ้า หรือคอมพิวเตอร์ที่ทำงานหนัก เพราะสิ่งเหล่านี้จะเพิ่มความร้อนในห้อง ทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น
- ตรวจเช็คสภาพฉนวนกันความร้อน: หากผนังหรือหลังคาบ้านไม่มีฉนวนกันความร้อนที่ดี ความร้อนจากภายนอกจะเข้ามาในบ้านได้ง่าย ทำให้แอร์ต้องทำงานหนัก พิจารณาติดตั้งฉนวนกันความร้อนเพิ่มเติม
- ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา: การปลูกต้นไม้รอบบ้าน โดยเฉพาะทิศที่โดนแดดจัด จะช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้แอร์ทำงานน้อยลง
- หมั่นดูแลทำความสะอาดห้อง: การทำความสะอาดห้องเป็นประจำ จะช่วยลดฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศ และลดปริมาณฝุ่นที่จะเข้าไปในแอร์ได้
- การดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่แค่เพื่อความเย็นสบาย แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในบ้านครับ
Be First to Comment